กติกามวย

กติกาการแข่งขันมวยไทย

           กีฬาทุกชนิดเมื่อทำการแข่งขันจะ
ต้องมีกติกามากำหนดควบคุมการแข่งขันให้เป็นไป
ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อป้องกัน
ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นได้ มวยไทยก็เช่น
กันเมื่อทำการแข่งขันก็ต้องมีการวางกติกาให้ผู้
เข้าแข่งขันปฏิบัติเหมือนกันเพื่อความเป็นระเบียบ
และยุติธรรมแก่ผู้เข้าแข่งขันทุกฝ่าย
กติกามวยไทยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
เป็นกติกาที่ปรับปรุงมาเป็นลำดับเพื่อให้เหมาะสม
กับกาลสมัยที่แตกต่างกัน
กติกาการแข่งขันมวยไทยฉบับแรกมี
ใช้เมื่อก่อตั้งสนามมวยราชดำเนินขึ้น อย่าง
เป็นทางการโดยปรับปรุงมา
จากกติกามวยสากลที่มีการแข่งขันกันอยู่ในเวลา
นั้น ก่อนจะค่อยปรับปรุงมาจนถึงยุคปัจจุบัน
มีกติกาการแข่งขันที่ออก
โดยสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยให้ใช้โดย
ทั่วกันทุกสนามเพื่อให้มาตรฐานเดียวกัน
กติกามวยไทยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ยุคคือ
กติกาการแข่งขันมวยไทยสมัยโบราณ
          มวยไทยนั้นมีการฝึกสอนและแข่งขัน
ในประเทศไทยมาตั้งแต่อดีต
สำหรับกติกาการแข่งขันมวยไทยในสมัยโบราณ
แทบจะพูดได้ว่า ไม่มีกติกาที่แน่นอน
การเปรียบเทียบเพื่อชกในอดีตจะยึดหลัก
ความสมัครใจเป็นที่ตั้ง ไม่มีการชั่งน้ำหนัก
เพราะต่างถือว่าขนาดของร่างกาย อายุ น้ำหนัก
และส่วนสูงไม่มีความสำคัญเท่ากับฝีไม้ลายมือ
ในชั้นเชิงมวยไทย ไม่มีการกำหนดยก
ในการแข่งขันที่แน่นอนคือจะชกกันจนกว่าฝ่าย
ใดฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถชกต่อได้ ก็ให้ฝ่ายที่ยังยืน
อยู่เป็นผู้ชนะ แม่ไม้มวยไทยทุกท่านำมาใช้
ในการแข่งขันได้หมด ส่วนเวลา
ในการชกแต่ละยกก็
ใช้กะลาเจาะรูลอยน้ำเมื่อกะลาจมก็ถือว่าหมดยก
ทำให้ไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควรเพราะกะลามีใบ
เล็กใบใหญ่ขนาดไม่เท่ากัน และรูที่เจาะก็มีรู
เล็กรูใหญ่ไม่เท่ากันทำให้กะลาจมลง
ในเวลาต่างกัน ยังไม่มีการกำหนดมุม
เป็นมุมแดงมุมน้ำเงิน ไม่มีชุดที่ใช้
ในการแข่งขันเฉพาะใครใส่ชุดใดก็ได้ชุด
นั้นแข่งขันได้เลย แต่ให้คาดเชือกที่หมัดทั้งสองข้าง
สรุปแล้วกติกาการแข่งขันไทยในอดีตไม่แน่นอน
โดยจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และ
ความสมัครใจของนักมวยทั้งสองฝ่ายเป็นสำคัญ
กติกาการแข่งขันมวยไทยสมัยปัจจุบัน
          กติกามวยไทยสมัยปัจจุบันจะถูกกำหนด
ไว้อย่างชัดเจนครอบคลุมทุกๆ เรื่อง
การแข่งขันมวยไทย
ในปัจจุบันนักมวยต้องสวมนวมขนาด 4 ออนซ์
แต่งกายแบบนักกีฬามวยคือ
สวมกางเกงขาสั้นสวมกระจับ สวมปลอกรัดเท้า
หรือไม่ก็ได้ เครื่องรางของขลังผูก
ไว้ที่แขนท่อนบนได้ ส่วนเครื่องรางอื่นๆ ใส่
ได้เฉพาะตอนร่ายรำไหว้ครูแล้ว
ให้ถอดออกตอนเริ่มทำการแข่งขัน
ในการแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1
คนกรรมการให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยก
ในการแข่งขันมีกรรมการผู้ชี้ขาดบนเวที 1
คนกรรมการให้คะแนนข้างเวที 2 คน จำนวนยก
ในการแข่งขันมี 5 ยก ยกละ 3 นาที
พักระหว่างยก 2 นาที การแข่งขันแบ่ง
เป็นรุ่นตามน้ำหนักตัวของนักมวยเหมือน
กับหลักเกณฑ์ของมวยสากล อวัยวะที่ใช้
ในการต่อสู้คือ หมัด เท้า เข่า ศอก เข้าชก เตะ ถีบ
ถอง เป็นต้น ได้ทุกส่วนของร่างกายโดย
ไม่จำกัดที่ที่ชก
แม่ไม้มวยไทยที่มีอันตรายสูงบางท่าถูกห้าม
ใช้เด็ดขาด อาทิ ท่าหลักเพชร เป็นท่าจับขา
แล้วหักด้วยการนั่งทับ เป็นต้น
สำหรับรายละเอียดของกติกาแต่ละข้อ
จะปรากฏในภาคผนวก

การจำแนกรุ่น มี 19 รุ่น ดังนี้

1. รุ่นพินเวท น้ำหนักต้องเกิน 93 ปอนด์
(42.272 กิโลกรัม) และไม่เกิน 100 ปอนด์
(45.454 กิโลกรัม)
2. รุ่นมินิฟลายเวท น้ำหนักต้องเกิน 100
ปอนด์ (45.454 กิโลกรัม) และไม่เกิน 105
ปอนด์
(47.727 กิโลกรัม)
3. รุ่นไลท์ฟลายเวท น้ำหนักตัว
ต้องเกิน 105 ปอนด์ (47.727 กิโลกรัม) และ
ไม่เกิน 108 ปอนด์
(48.988 กิโลกรัม)
4. รุ่นฟลายเวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
108 ปอนด์(48.988 กิโลกรัม)และไม่เกิน 112
ปอนด์
(50.802 กิโลกรัม)
5. รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท น้ำหนักตัว
ต้องเกิน 112 ปอนด์(50.802 กิโลกรัม)และ
ไม่เกิน 115 ปอนด์
(52.163 กิโลกรัม)
6. รุ่นแบนตั้มเวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
115ปอนด์(52.163 กิโลกรัม)และไม่เกิน 118
ปอนด์
(53.524 กิโลกรัม)
7. รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท น้ำหนักตัว
ต้องเกิน118ปอนด์(53.524 กิโลกรัม)และไม่เกิน
122 ปอนด์
(55.338 กิโลกรัม)
8. รุ่นเฟเธอร์เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
122ปอนด์(55.338 กิโลกรัม)และไม่เกิน 126
ปอนด์
(57.153 กิโลกรัม)
9. รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท น้ำหนักตัว
ต้องเกิน 126 ปอนด์(57.153 กิโลกรัม)และ
ไม่เกิน130 ปอนด์
(58.967 กิโลกรัม)
10. รุ่นไลท์เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน 130
ปอนด์(58.967 กิโลกรัม)และไม่เกิน 135 ปอนด์
(61.235 กิโลกรัม)
11. รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
135 ปอนด์(61.235 กิโลกรัม)และไม่เกิน 140
ปอนด์
(63.503 กิโลกรัม)
12. รุ่นเวลเตอร์เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน 140
ปอนด์(63.503 กิโลกรัม)และไม่เกิน 147 ปอนด์
(66.678 กิโลกรัม)
13. รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท น้ำหนักตัว
ต้องเกิน 147 ปอนด์(66.678 กิโลกรัม)และ
ไม่เกิน
154 ปอนด์ (69.853 กิโลกรัม)
14. รุ่นมิดเดิลเวท น้ำหนักตัวต้องเกิน 154
ปอนด์(69.853 กิโลกรัม)และไม่เกิน 160 ปอนด์
(71.575 กิโลกรัม)
15. รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
160 ปอนด์(71.575 กิโลกรัม)และไม่เกิน
168 ปอนด์ (76.374 กิโลกรัม)
16. รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
168 ปอนด์(76.374 กิโลกรัม)และไม่เกิน 175
ปอนด์
(79.379 กิโลกรัม)
17. รุ่นฟลายเวท น้ำหนักตัวต้องเกิน 175
ปอนด์(779.379 กิโลกรัม)และไม่เกิน 190
ปอนด์
(86.183 กิโลกรัม)
18. รุ่นเฮฟวี่เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน 190
ปอนด์(86.183 กิโลกรัม)และไม่เกิน 200 ปอนด์
(90.900 กิโลกรัม)
19. รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท น้ำหนักตัวต้องเกิน
200 ปอนด์ขึ้นไป(90.900 กิโลกรัมขึ้นไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น